AED (Automated External Defibrillator) หรือ เครื่องช็อกไฟฟ้าหัวใจอัตโนมัติ ไม่ใช่อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ซับซ้อนอย่างที่คิด แต่เป็น “ฮีโร่” ที่ถูกออกแบบมาให้คนทั่วไปสามารถใช้งานได้ง่ายและปลอดภัยที่สุด เพื่อรับมือกับภาวะ “หัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน” (Sudden Cardiac Arrest) ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ทั่วโลก
การเข้าถึงและใช้เครื่อง AED ร่วมกับการทำ CPR ได้เร็วที่สุดคือ กุญแจสำคัญ ที่เพิ่มโอกาสรอดชีวิตให้ผู้ป่วยจาก 5% เป็น 40% เลยทีเดียว
AED คืออะไร และทำงานอย่างไร?
-
- คืออะไร: AED คืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แบบพกพาที่สามารถ วิเคราะห์คลื่นไฟฟ้าหัวใจ ของผู้ป่วยได้โดยอัตโนมัติ
-
- เมื่อไหร่ที่ใช้: ใช้เมื่อพบผู้ป่วย หมดสติ ไม่หายใจ หรือหายใจเฮือก (ไม่มีสัญญาณชีพ)
-
- หลักการทำงาน:
-
- เมื่อติดแผ่นนำไฟฟ้า (Pads) เข้ากับหน้าอกผู้ป่วย เครื่องจะทำการวิเคราะห์จังหวะการเต้นของหัวใจ
-
- หากพบว่าหัวใจเต้นผิดจังหวะในลักษณะที่ต้องได้รับการช็อกไฟฟ้า (เช่น ventricular fibrillation) เครื่องจะสั่งให้ผู้ช่วยเหลือทำการ ช็อกไฟฟ้า (Defibrillation) เพื่อรีเซ็ตให้หัวใจกลับมาเต้นในจังหวะปกติ
-
- หากหัวใจไม่ต้องการการช็อก (เช่น หัวใจหยุดเต้นไปแล้ว) เครื่องจะแนะนำให้ผู้ช่วยเหลือทำการ CPR ต่อไป
-
- หลักการทำงาน:
หัวใจของ AED คือความสามารถในการ ตัดสินใจแทนผู้ใช้ ว่าเมื่อไหร่ควรช็อก และเมื่อไหร่ไม่ควรช็อก ทำให้ทุกคนสามารถใช้ได้อย่างมั่นใจ

4 ขั้นตอนง่ายๆ ในการใช้เครื่อง AED
หากคุณพบเห็นผู้หมดสติและไม่มีสัญญาณชีพ ให้รีบ โทรแจ้ง 1669 หรือขอความช่วยเหลือจากหน่วยฉุกเฉิน และนำเครื่อง AED มาใช้ตามขั้นตอนง่าย ๆ นี้:
| ขั้นตอนที่ | การปฏิบัติ | สิ่งสำคัญที่ต้องจำ |
| 1. เปิดเครื่อง | กดปุ่มเปิดเครื่อง (Power) และปฏิบัติตามคำสั่งเสียงของเครื่องทันที | เครื่อง AED ทุกเครื่องจะมีเสียงแนะนำภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษตั้งแต่เริ่มต้น |
| 2. ติดแผ่น (Pads) | ถอดเสื้อผู้ป่วยออก และติดแผ่นนำไฟฟ้า (Pads) เข้ากับหน้าอกผู้ป่วย โดยดูตำแหน่งจากรูปภาพบนแผ่น 1 แผ่นติดที่หน้าอกด้านขวาบน และ อีก 1 แผ่นติดที่ชายโครงด้านซ้ายล่าง | ต้องติดแผ่นให้แนบสนิทกับผิวหนัง ไม่ให้มีเสื้อผ้าหรือขนหนาเกินไปกีดขวาง |
| 3. วิเคราะห์ | เครื่องจะเริ่มวิเคราะห์จังหวะหัวใจ ห้ามสัมผัสตัวผู้ป่วยเด็ดขาด! ให้ร้องเตือนคนรอบข้างว่า “ทุกคนถอย” | หากใครสัมผัสตัวผู้ป่วยขณะวิเคราะห์หรือช็อก อาจได้รับอันตรายจากไฟฟ้าได้ |
| 4. ช็อก/CPR | • ถ้าเครื่องบอกให้ “Shock” ให้ร้องย้ำว่า “ทุกคนถอย! ผมจะช็อกแล้ว!” แล้วกดปุ่มช็อก จากนั้นให้เริ่ม CPR ทันที • ถ้าเครื่องบอก “No Shock” ให้เริ่ม CPR ทันที | ทำ CPR สลับกับการใช้ AED (ตามคำแนะนำของเครื่อง) จนกว่าทีมแพทย์ฉุกเฉินจะมาถึง |
ทำไมเครื่อง AED จึงสำคัญต่อสังคม?
-
- เวลาคือชีวิต (Golden Minute): ทุกนาทีที่ล่าช้าในการช็อกไฟฟ้า โอกาสรอดชีวิตของผู้ป่วยจะลดลงประมาณ 7-10% การที่ AED อยู่ใกล้ตัวจึงช่วยลดเวลาการรักษาที่สำคัญที่สุดลงได้
-
- ใช้ได้โดยไม่ต้องเป็นแพทย์: เครื่อง AED ถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่ายด้วยคำสั่งเสียงที่ชัดเจน ช่วยลดความตื่นตระหนกและนำทางผู้ช่วยเหลือที่ไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์ให้สามารถปฏิบัติงานกู้ชีพได้อย่างถูกต้อง
-
- ความรับผิดชอบร่วมกัน: การติดตั้ง AED ในสถานที่สาธารณะ (เช่น สนามบิน ห้างสรรพสินค้า โรงเรียน สถานีรถไฟฟ้า) และการที่คนในสังคมมีความรู้ในการใช้ AED ถือเป็นส่วนหนึ่งของการสร้าง “สังคมปลอดภัย” ที่ทุกคนมีส่วนร่วมในการช่วยชีวิตผู้อื่นได้
การเรียนรู้วิธีใช้ AED (Automated External Defibrillator) และ CPR จึงไม่เพียงแต่ช่วยชีวิตคนแปลกหน้าได้เท่านั้น แต่อาจช่วยชีวิตคนในครอบครัวหรือคนใกล้ชิดของคุณเองได้เช่นกัน
